Saturday, March 24, 2007

นางงามชาตินิยม

นางงามชาตินิยม

1
การประกวดนางงาม ถูกบรรจุเข้าในพจนานุกรมชีวิตของฉันตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว เมื่อได้เห็นลีลาการฟ้อนสาวไหมอันอ่อนช้อยของสาวเจียงใหม่คนหนึ่ง ซึ่งต่อมาคนทั้งประเทศรู้จักเธอในนามของ “น้องอร” อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทยปีพ.ศ. 2535


ปีนั้นเป็นปีที่บ้านเราเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวอร์สซะด้วย ฉันยังจำภาพเวทีสีชมพูที่มีฉากหลังเป็นภาพดอกกล้วยไม้ควีนสิริกิตติ์ มีสะพานอยู่กลางเวที และสองฝั่งเวทีเป็นรูปปั้นช้างไทยตัวใหญ่ ส่วนรอบ 5 คนสุดท้าย มีศาลาไทยกลางน้ำอันวิจิตรงดงามโผล่ขึ้นมากลางเวทีแทน เพลงประจำการประกวดครั้งนั้นชื่อเพลง ‘สวัสดี’ ฉันจำได้ขนาดว่าผู้ชนะในปีนั้นคือมิสนามิเบียชื่อ มิเชล แม็คลีน รองอันดับ 1 คือมิสโคลัมเบีย รองอันดับ 2 คือมิสอินเดีย ทั้งสามนางใส่ชุดราตรีสีแดงหมด แต่รอบที่ฉันชอบมากที่สุดคือ การประกวดชุดประจำชาติ เพราะนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้รู้จักประเทศใหม่ๆ อย่าง เวเนซูเอล่า เปอร์โตริโก้ โปแลนด์ ฯลฯ ยิ่งเห็นชุดเวอร์ๆแบบนั้นทำให้เด็กๆอย่างฉันอยากจะรู้ว่าบ้านเมืองเขาจะเวอร์เหมือนเสื้อผ้านั่นไหม

หลังจากได้รู้จัก “น้องอร” ฉันกลับไปอ่านหนังสือขวัญเรือนของแม่จนได้รู้จักนางสาวไทยรุ่นก่อนๆ ทั้งยลดา รองหานาม, ชุติมา นัยนา, ภัสราภรณ์ ชัยมงคล และในปีต่อๆมา ฉันก็ได้รู้จักอีกหลายๆ “น้อง” ไม่ว่าจะเป็นน้องปุ๊ก – ฉัตริกา อุบลศิริ, น้องป๊อบ อารียา สิริโสภา, น้องมะปราง – ภาวดี วิเชียรัตน์ (ซึ่งอีกกี่ปีกี่ชาติพวกเธอก็ยังคงเป็น “น้อง” ต่อไป ไม่เหมือน “พี่ปุ๋ย”) และลุกลามข้ามไปยังมิสไทยแลนด์เวิลด์ ฉันยังจำได้เลยว่าน้องแทน – ธัญญา สื่อสันติสุข มิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 1997 เคยให้สัมภาษณ์ว่าเคล็ดลับความงามของเธอคือการกินดิน!

พอโตขึ้น ฉันก็เริ่มดูการประกวดนางงามน้อยลง เพราะฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงสวยไม่จำเป็นต้องเป็นนางงาม ผู้หญิงเดินดินบางคนสวยกว่านางสาวไทยอีก และที่สุดแล้ว ฉันพบว่าการประกวดนางงามเป็นสิ่งซ้ำซากน่าเบื่อเป็นที่สุด

2
เมื่อคืนฉันบังเอิญเปิดไปเจอการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์สพอดี คุณเอ๊ย! ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้!! ไม่ได้ขำที่หน้าตาของคนเข้าประกวดหรอกนะ แต่ฉันสะดุดหัวเราะที่คุณสมบัติต่างๆซึ่งแต่ละนางบรรยายมา ถ้าสังเกตดูแล้ว พวกเธอจะบรรยายตัวเองวนเวียนไม่พ้นเรื่องชอบปฏิบัติธรรม ว่างๆก็จะไปวิปัสสนา รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ อยากเห็นคนไทยสามัคคี ใฝ่ฝันอยากเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ รอยยิ้มคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนจำเธอได้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดคือคติประจำใจ ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ มาเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆนะคะ

โอ๊ยตาย! ฉันล่ะเชื่อพวกเธอเลย! ถ้าฉันเป็นกรรมการ ฉันคงให้พวกเธอสอบตกตั้งแต่แรก ข้อหาพรีเซนส์ตัวเองได้จืดชืดเกินแกง เป็นฉันน่ะเรอะ ถ้าจับพลัดจับผลูมาประกวดนางงามกะเขาบ้าง ฉันจะกรอกคุณสมบัติตัวเองแบบนี้

“หมายเลข 69 ท้อฟฟี่ My name is Top but I’m bottom. สโลแกนประจำตัวคือ ร้อนแรงทุกสัมผัส ร้อนรักทุกองศา ร้อนฉ่าทุกลีลา เริงร่าทุกนาที ความสามารถพิเศษ สนใจเรื่องเพศเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบสูบบุหรี่แต่ชอบสูบบุรุษ คติประจำใจคือ คันต่อไปจนได้ดี”
ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีใครลืมลูกอมเม็ดนี้ลง พอๆกับมั่นใจว่าจะถูกกรรมการเตะโด่งออกนอกเวทีทันใด

ฉันเคยมีประสบการณ์แบบนี้อยู่เหมือนกัน ตอนที่ฉันไปแข่งขันชิงแชมป์ไปดูคอนเสิร์ต Mariah Carey ที่สวิสเซอร์แลนด์ของวิทยุคลื่นหนึ่ง เขาให้แต่ละคนบรรยายความรู้สึกที่มีต่อแม่มาลัยสายสมร มีอยู่นางหนึ่งพรรณนาว่า...

“Mariah Carey คือนางฟ้าของฉัน ยามที่ฉันท้อแท้ฉันจะฟังเพลง Can’t take that away ของเธอ มันทำให้ฉันยิ้มสู้ทั้งน้ำตา มันเหมือนกับ Mariah มากระซิบข้างหูฉันว่า อย่ายอมแพ้นะจ๊ะคนดี อย่ายอมให้ใครมาย่ำยีหรือบอกว่าเธอทำไม่ได้ เพราะเธอมีคุณค่าในตัวเอง ฉันอยากจะบอกกับ Mariah ว่า ขอบคุณมากที่เธอเกิดมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับฉัน ฉันจะไม่มีวันท้อแท้ เหมือนที่คุณไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ...”

น้ำตาของหล่อนหยดติ๋งลงมาเป็นการปิดท้าย ทุกคนในห้องนั้นปรบมือด้วยความซาบซึ้ง เอาล่ะ แล้วก็ถึงตาฉัน...
“เวลาฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันจะเปิดมิวสิควิดีโอของ Mariah ดู ฉันว่ามันตลกโคตรๆเลยล่ะ คนอาร้ายยย....ทำไปได้แต่ละอย่าง ชอบคิดว่าตัวเองเซ็กซี่ โอ๊ย! ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำให้คนอื่นเขาหัวเราะชอบใจได้ขนาดนี้ เป็นแบบนี้แหละฉันถึงรักเธอจริงๆพับผ่าสิ ฉันอยากแนะนำว่ามิวสิควิดีโอของหล่อนเป็นยาบำบัดโรคซึมเศร้าได้ขนานแท้ และมันเป็นหนังตลกไม่รู้ตัวชนิดที่บางครั้งอาจทำให้มุขของ Jim Carrey ตลกอัจฉริยะที่นามสกุลดันพ้องกับเธอกลายเป็นประโยคบอกเล่าไปได้เลย...”

ทุกคนในห้องอึ้ง – อึ้ง – อึ้ง นางฟ้าของคนเมื่อกี้เพิ่งถูกฉันล้อเลียนซะจนขำไม่ออก แต่ฉันสาบานได้ว่าฉันชื่นชมแม่มาลัยจริงจริ๊ง พอฉันเห็นสีหน้างงรับประทานแบบนั้น ฉันก็คิดว่า ชมหล่อนแบบอ้อมๆแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ สงสัยฉันคงต้องชมหล่อนแบบตรงๆบ้างซะแล้ว
“เอ่อ...ฉันก็ชอบเพลงของเธอนะ เธอแต่งเพลงเอง เพราะดี เสียงโห่ฮี้โห่ของเธอนั่นฉันก็ว่าเจ๋งดีว่ะ”

สรุปว่า ฉันอดไปสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนอีกคนได้ไปแทน!

3
ไม่ต่างกับเวทีออสการ์ที่ถ้าอยากได้รางวัลตุ๊กตาทอง คุณต้องสร้างหนังสู้ชีวิต (Beautiful mind, Braveheart) ยิ่งเป็นหนังพีเรียดด้วยยิ่งดีใหญ่ (Titinaic, Shakespeare in love, The English Patient) มีตัวละครพิกลพิการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (Forrest Gump, Beautiful mind, Rain man, Philadelphia)มีฉากระเบิดอารมณ์อันหนักหน่วง (Mystic River, Erin Brockovich) อย่าทำหนังฟอร์มเล็ก แต่จงทำหนังโปรดักชั่นอลังการ (Gladiator, Chicago) เวทีการประกวดนางงามก็มีคำตอบของมันอยู่แล้วตั้งแต่ต้น พวกเธอจึงเลือกนำเสนอตัวเองตามแบบฉบับสูตรสำเร็จของนางงาม ใครที่บังอาจแหวกกฎ กติกา มารยาทก็มีอันต้องตกกระป๋องไป ด้วยเหตุนี้ ฉันถึงเข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงพากันนั่งวิปัสสนา รักสัตว์และสันติภาพขึ้นมาทันใด

ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้รางวัล “งามอย่างไทย” และ “รักษ์ความเป็นไทย” นี่มันเอาอะไรมาวัด “ความเป็นไทย” เวลาเราพูดถึงกิริยามารยาทงดงามตามแบบฉบับหญิงไทย เรามักจะนึกถึงผู้หญิงอย่างแม่พลอย ทำอะไรก็อ่อนช้อยไปหมด แต่อย่าลืมนะครับว่าผู้หญิงไทยแบบนั้นเป็นอยู่ในวังเท่านั้น ไม่ใช่ประชากรหญิงไทยส่วนใหญ่ (ซึ่งไม่ได้มีกิริยาเรี่ยมเร้เรไรขนาดนั้น) ด้วยซ้ำ ความที่ชนชั้นสูงเป็นผู้มีอำนาจ เขาก็ต้องเลือกเอาวัฒนธรรมของเขามาเป็นวัฒนธรรมหลักของประเทศ และผู้หญิงอย่างแม่พลอยก็มีแต่ในราชสำนักของกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้น ยังไม่ได้พูดไปถึงกิริยาของผู้หญิงเชียงใหม่ ปัตตานี ลพบุรี ฯลฯ ซึ่งล้วนมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่ก็ไปเหมาเอาเองว่าแม่พลอยนี่แหละคือผู้หญิงไทยของแท้แน่นอน

คำว่า “งดงามตามแบบฉบับหญิงไทย” จึงสามารถถอดรหัสได้ว่า “มีกิริยาเหมือนสาวชาววังกรุงรัตนโกสินทร์ในอดีต” เท่านั้น ไม่สามารถกินความหมายถึงผู้หญิงไทยทั้งประเทศได้

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นการกีดกันคนส่วนหนึ่ง (ซึ่งไม่น้อยเลย) ให้เข้าถึงความเป็นพลเมืองของชาติไม่ได้ เพราะนั่นแปลว่า ถ้าคุณเป็นอาหมวยหรือฝรั่งตาสีเทอร์ควอยซ์ที่เกิดในแผ่นดินไทย ยังไงซะคุณก็ไม่มีทาง “งดงามตามแบบฉบับของหญิงไทย” ได้ (ซึ่งมันจริงซะที่ไหนล่ะ)

การประกวดนางงามที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องสวยๆงามๆ แต่หารู้ไม่ว่ามันคือเวทีที่เอาชาตินิยมมาปั่นหัวทั้งคนดูและคนประกวด

ฉันกำลังพยายามหาคำตอบว่า เราจะประกวดหา “ใคร” และหาไป “ทำไม” ถ้าเรากำลังจะบอกว่า หาผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศไปประกวดหาผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ฉันก็ขอตั้งคำถามว่า ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกน่ะ มัน “โลก” ของใครกันล่ะ เพราะประกวดประขันกันทีไรก็มีแต่สาวละตินอเมริกากวาดรางวัลไปทุกที ในเมื่อมาตรฐานความงามที่ใช้วัดบนเวทีนี้ดันใช้ไม้บรรทัดแบบเดียวกับยุคล่าอาณานิคม ที่ชาติตะวันตกเอาตัวเองเป็นมาตรฐานวัดความเจริญนั่นแหละ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าสมการความสวยคือ ขายาว ตัวสูง หน้าอกใหญ่ ฯลฯ ผู้หญิงเอเชียมันจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ยังไม่รวมถึงเรื่อง “การเมือง” ในเวทีขาอ่อนที่ใน 10 คนที่เข้ารอบสุดท้าย ต้องเฉลี่ยไปทุกทวีป แต่อเมริกาซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การประกวดต้องได้เข้ารอบเสมอ (ก็ใครจะทำไม!) แล้วแบบนี้มันจะเรียกว่าสวยที่สุดในโลกได้จริงเรอะ!

ก็มีบ้านเรานี่แหละที่ประกวดนางงามกันเป็นล่ำเป็นสันเหลือเกิน ฉันว่าน้องฟ้า นาตาลี เธออ่านเกมได้ขาดจริงๆ ก็ที่อื่น (แม้กระทั่งแคนาดา บ้านของเธอ) ไม่เห็นให้ความสำคัญกับนางงามจักรวาลเท่านี้ เพราะเขารู้ว่ามันก็กะอีแค่รายการโทรทัศน์รายการหนึ่งที่ปั่นเอาคำว่า “สวยที่สุดในจักรวาล” มาเป็นมูลค่าเพิ่มเท่านั้นนั่นแหละ เพราะอย่างนั้นเธอถึงมาปักหลักอยู่ที่เมืองไทยนี่เสียเลย

4
ทราบไหมว่า ตอนนี้ที่ประเทศตามหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้มีประชากรที่เป็นโรคอ้วนมากเกินกว่า 90% ไม่ใช่เพราะพวกเขาขี้เกียจอย่างที่คนชอบหาว่าคนอ้วนเป็น แต่เพราะวัฒนธรรมของเขาถือว่า ความอ้วนคือความงาม เช่นเดียวกับที่คนกะเกรี่ยงถือว่าคอยิ่งยาวยิ่งสวยนั่นแหละ
เจอแบบนี้ รับรองว่าน้องฟ้าและอีกหลายๆน้องไม่มีวัน “เกิด” ได้เลย

5
บุ๋ม-ปนัดดา อดีตนางสาวไทย พูดถึงการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำสุดวาบหวิวของเธอว่า
“ทำไมต้องคิดว่าถ้าคนแต่งตัวโป๊แล้วคือคนไม่มีสมอง ทำไมฉลาดด้วยแล้วเซ็กซี่ด้วยจะเป็นไปไม่ได้ บุ๋มจะเป็นให้หมดนี่ให้ดู”
ผู้หญิงที่คิดได้แบบนี้ต่างหากที่ฉันมองหาใน “ผู้หญิงไทย”

3 comments:

Anonymous said...

เขียนได้เปรี้ยว และตรงใจมาก พี่ชอบ
แล้วก้อเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอก้อเคยไปฟาดฟันเพื่อตั๋วเจ๊มาลัยมากะเค้าเหมือนกัน ไม่เบาเลยทีเดียว

myblackcomedy

Anonymous said...

= ="
ถ้านางงามฉลาดน้อยมาอ่าน คงได้กรี๊ดลั่นบ้าน
แต่คงไม่หรอกมั้ง เดี๋ยวนี้นางงามบ้านเราฉลาดขึ้น
เพราะการเป็นนางงามเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
มันกลายเป็นบันไดเบิกทางเข้าหากองเงินกองทอง

Anonymous said...

อ่านแล้วร้อนแรงโดนจาย อิอิ
น่านจิ ให้อาคุงทอปลองปรับคาแรกเตอร์ของนางงามแล้วส่งเข้าประกวดม่างดีกว่า
ว่าเวทีปีนั้นจะร้อนแค่ไหน อิอิ